วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แบบฝึกหัด 10 ข้อ

1.จงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง IEEE802.11b และ IEEE802.a
ความแตกต่างของ IEEE 802.11bใช้กลไกเข้าถึงตัวกลางแบบCSMA/CA อาศัยกลไกส่งแบบ DSSS รวมกับเทคนิค cuk ทำให้สามารถรับ - ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 5.5 Mbpsและ 11 Mbpsความแตกต่าง ของ IEEE802.a ใช้กลไกการส่งแบบ OFDM ซึ่งรองรับความเร็วได้ถีง 54 Mbps

2. ย่านความถี่ ISM band มีอะไรบ้าง1. ย่านความถี่ที่ 900 MHz มีแบบความกว้างตั้งแต่ 2.400 ถึง 928 MHz22. ย่านความถี่ที่ 2.4 GHz มีแถบความกว้างตั้งแต่ 2.400 ถึง 2.4835 MHz3. ย่านความถี่ที่ 5 GHz มีแถบความกว้างตั้งแต่ 5.725 ถึง 5.850 MHz

3. จงอธิบายพฤติกรรมของคลื่น Diffraction , Interference-Diffractionอธิบายได้ด้วยหลักกการของฮอยเกนส์ คือ หน้าคลื่นที่ผ่านตัวกันมานั้นจะทำหน้าที่เป็นต้นกำเนิดคลื่นใหม่ที่มีหน้าที่คลื่นเป็นวงกลม ทำให้เกิดคลื่นวงกลมหลังตัวกั้น-Interference อธิบายเกิดจากคลื่นสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการเคลื่อนที่มาพบกันแล้วเกิดการซ้อนทับกันถ้าเป็นคลื่นแสงจะเห็นแถบมืดและแถบสว่างสลับกัน ส่วนคลื่นเสียงจะได้ยินเสียงดังเสียงค่อยสลับกัน

4. ระบุ specify ของอุปกรณ์เครือข่าย

5. จงบอกประโยชน์ของเครือข่ายไร้สาย
1. ผู้ใช้สามารถใช้งานไฟล์ อุปกรณ์ต่างๆโดยไม่ต้องต่อสายและสามารถใช้อุปกรณ์มือถือซึ่งยังคงความเร็วสูงและ Real time
2. เวลาที่ใช้ในการติดตั้งลดลงเพราะการติดตั้งไม่ยุ่งยากกับสายต่างๆ
3. การใช้งานสะดวกขึ้นในการใช้ WLAN
4. จาก Topologies ของ WLAN เป็นการง่ายที่จะใช้และกำหนดขอบเขต
5. ทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพขึ้น
6. การติดต่อสื่อสารอย่างทันท่วงทีกับทีมงาน
7. พนักงานเกิดความพอใจในการทำงานมากขึ้น
8. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเครือข่ายในระยะยาว
9. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบเพราะอุปกรณ์ Wireless ไม่ต้องใช้สาย

6. จงอธิบายการทำงานของ ALOHA ,CSMA/CA1. การทำงานของ CSMA/CA คือ เมื่อสถานีหนึ่งต้องการเข้าใช้ช่องสัญญาณสถานีดังกล่าวจะต้องตรวจสอบช่องสัญญาณก่อนว่ามีสถานีอื่นทำการรับส่งสัญญาณข่อมูลอยู่หรือไม่และรอจนกว่าช่องสัญญาณว่าง ซึ่งแต่ละสถานีได้กำหนดระยะเวลาในการรอแล้ว ด้วยการสุ่มค่าหลังจากเสร็จการใช้ช่องสัญญาณครั้งก่อน

7.จงอธิบายหลักการทำงานของ FHSS, DSSS, OFDM
1. FHSS หลักการทำงานสัญญาณจะกระโดดจากความถี่หนึ่งไปยังความถี่หนึ่งในอัตราที่ได้กำหนดไว้ซึ่งจะรู้กันเฉพาะตัวรับกับตัวส่งเท่านั้น
2. DSSS หลักการทำงานจะมีการส่ง chipping code ไปกับสัญญาณแต่ละครั้งด้วยซึ่งจะมีเฉพาะตัวรับกับตัวส่งเท่านั้นที่จะรู้ลำดับของ chip
3. OFDM หลักการทำงานถูกสร้างมาเพื่อใช้งานสำหรับระบบสื่อสารไร้สายแบบเคลื่อนที่แบนด์กว้างมีอัตราการส่งข้อมูลสูงๆ เช่น ระบบ LAN
8. การลดทอนของสัญญาณคืออะไรคือ การออกแบบเครือข่ายไร้สายแต่ละประเภทจะต้องเลือกใช้สมการให้เหมาะสมกับระบบที่จะทำการออกแบบทั้งนี้จึงจะทำให้ได้ค่าใกล้เคียงกับสภาพจริงและทำให้ระบบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

9. กำลังส่งและกำลังรับหมายความว่าอย่างไรกำลังส่งหมายความว่า Path Loss เป็นการลดทอนสัญญาณที่กำลังส่งสัญญาณจะลดลงอย่างคงที่ตามระยะทางในการส่งสัญญาณกำลังรับ หมายความว่า การที่เครื่องรับได้รับสัญญาณจาก 2 ทิศทางหรือมากกว่านั้นแล้วทำให้มีการสูญเสียเนื่องจากเกิดการรบกวนกันของสัญญาณที่มาจากทิศทางนั้น

10. Cell sizing คืออะไรการแบ่งสัญญาณเครือข่ายไร้สายให้ข้างบ้านใช้งานด้วยการติดตั้งระบบเครือข่ายควรดูรัศมีที่ต้องการใช้งานและเลือกใช้รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณให้เหมาะสมกับรัศมีนั้น

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ข้อสอบ 30ข้อ

1.ระบบเครือข่ายแบบไร้สายคือ
ก.Wireless LAN
ข.ISM
ค.helnrich Hertz
ง.OFDM
2..ใครเป็นคนสร้างทฤษฎีแมม่เหล็กไฟฟ้า
ก.เฮนธิคเฮิรตซ์
ข.เจมส์เดิร์กแมกเวลล์
ค.มาโคนี่
ง.มอส เดิกร์
3.จงบอกคำย่อของ Indutrial Sciences Medicine
ก.IMS
ข.SME
ค.MSI
ง.ISM
4. Direct IR และ Diffuse IR เป็นกลไกการส่งแบบใด
ก.คลื่นอินฟาเรต
ข.คลื่นวิทยุ
ค.คลื่นไม่โครเวฟ
ง.ถูกทุกข้อ
5.โครงสร้างมาตรฐาน IEEE.802.11 ประกอบด้วย
ก. OFDM
ข.DSSS
ค.MACและPHY
ง.DSSSและFHSS
6.ใน MAC layer จะมีโปรโตคอลชื่อว่า
ก.CA/CSMA
ข.CSAM/CA
ค.AP
ง.CSMA/CA
7."Hot spot' ทำหน้าที่อะไร
ก.กระจายสัญญาณคลื่นวิทยุ
ข.เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่าย
ค.ตรวจสอบการทำงาน
ง.ถุกทุกข้อ
8.รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายมีกี่ mode
ก.2 mode
ข.3 mode
ค.4 mode
ง.5 mode
9.เทคโนโลยีที่ใช้ใน UALN จากตอนแรกที่ใช้อินฟาเรตในการรับส่งแต่มีข้อจำกัดในระยะทางส่งได้ไม่ไกลตอนมาได้ใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งซึ่งมีเทคนิคที่ใช้2ชนิดคืออะไรบ้าง
ก.CSMA/CA และ DSSS
ข.FHSSและSSID
ค.FHSSและDSSS
ง.OFDM และ FHSS
10.การ์ดที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งครื่งคอมพิวเตอร์แบบ PC และแบบโน๊ตบุ๊ค คือ การ์ดใดบ้าง
ก.PCICard
ข.PCMCISCard
ค.DBUS
ง.ถูกทุกข้อ
11.อุปกรณ์เครือข่ายไร้สายใด ที่ใช้เพิ่มระยะทางละประสิทธิภาพการทำงานของ ACCSS Point
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
12.อุปกรณ์ใดที่ทำหน้าที่ในการต่อเข้าระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านคู่สายโทรศัพท์หรือเคเบิ้ลทีวี
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
13.อุปกรณ์ใดที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต LAN ตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไปเข้าด้วยกัน
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
14.หน้าที่หลักของเสาอากาศคืออะไร
ก.แปลงสัณญาณวิทยุเป้นแม่เหล็กไฟฟ้า
ข.แปลงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นวิทยุ
ค.ถูกทั้ง ก และ ข
ง.ไม่มีข้อถุก
15.เสาอากาศแบบรอบตัวเรียกว่าอะไร
ก.เสาอากาศแบบยากิ
ข.เสาอากาศแบบโคโพส
ค.เสาอากกาศแบบกลิต
ง.งไม่มีข้อใดถูก
16.เสาอากาศแบบทิสทาง อัตราการขยายจะมีค่าเท่าใด
ก.2-12 dBi
ข.6-21dbi
ค.8-32dBi
ง.9-36 dBi
17.ข้อใดคือประโยชน์ของเครือข่ายไร้สาย
ก.เวลาที่ใช้ในการติดตั้งลดลง
ข.ผู้ใช้สมารถใช้งานไฟล์ อุปกรณ์โดยไม่ต้องต่อสาย
ค.การใช้งานจะสะดวกขึ้นในการใช้WRAN
ง.ถูกทุกข้อ
18.สมบัติของคลื่นมี 2 อย่างมีอะไรบ้าง
ก.การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
ข.การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน
ค.การสะท้อน การหักเห การส่งข้อมูล การเลี้ยวเบน
ง.การส่งข้อมูล การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง การหักเห การเลี้ยวเบน
19.การกระจายของคลื่นวิทยุมีกี่ขั้นตอน
ก 6 ขั้นตอน
ข. 5 ขั้นตอน
ค.4ขั้นตอน
ง.3ขั้นตอน
20.ข้อใดคือการแทรกสอด
ก.Refrecction
ข.Diffrection
ค.Interferce
ง.Pencetration
21.ข้อใดคือการลดทอนของคลื่น
ก.Refrecction
ข.Diffrection
ค.Interferce
ง.Pencetration
22.หน่วยวัดอัตราการลดทอนหรออัตราการขยายของกำลังส่งคืออะไร
ก.dB (Decibel)
ข.dBM(Decibel Milk)
ค.dBi(Decibel Isofropic)
ง.dBd(Decibel Decibel)
23.หน่วยการจัดการเพิ่มกำลังการขยาย อัตราขยายที่เทียบจากสาย Decibel
ก.dB (Decibel)
ข.dBM(Decibel Milk)
ค.dBi(Decibel Isofropic)
ง.dBd(Decibel Decibel
24.จากสมการ EIRP = Powt-ct+c-c+ในสมการคืออะไร
ก.อัตราการขยายในแกน Gainof the antenna(dBi)
ข.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Signsl loss in cabla (dB)
ค.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Power outputn(dBm)
ง.กำลังส่ง EFFeetive Isotropic Radiated Power(dBm)
25.จากสมการที่24EIRP คืออะไร
ก.อัตราการขยายในแกน Gainof the antenna(dBi)
ข.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Signsl loss in cabla (dB)
ค.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Power outputn(dBm)
ง.กำลังส่ง EFFeetive Isotropic Radiated Power(dBm)
26.ถ้าเราใช้เครือข่ายไร้สายที่มีความถี่ 2.4 GHz จะมีอัตราขยายสูงสุดกี่ dBm
ก.25dBm
ข.26dBm
ค.27dBm
ง.28dBm
28าตรบาน IEEE ได้ใช้กลไกเข้าถึงตัวกลางแบบ CSMA/CA พัฒนากลไกการส่งแบบOFDM
ก. IEEE 802.11A
ข.IEEE 802.11b
ค.IEEE 802.11g
ง.IEEE 802.11i
29"rect IR และ Diffuse IR เป็นกลไกแบบใด
ก.คลื่นอินฟาเรต
ข.คลื่นวิทยุ
ค.คลื่นไมโครเวฟ
ง.ถูกทุกข้อ
30.รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายมีกี่ mode
ก. 2 mode
ข.3 mode
ค. 4mode
ง.5mode
เรียนจันทร์ที่27ตุลาคม2551


1. มาตรฐาน IEEE802.15
มาตรฐาน IEEE 802.15 (IEEE 802.15 Working Group) สำหรับเครื่องข่ายไร้สายส่วนบุคคล หรือดับเบิลยูแพน (WPAN) ซึ่งมีการประชุมกันในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน เครือข่ายไร้สายส่วนบุคคลนี้ หมายถึงเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงสำหรับการสื่อสารระยะสั้น ตัวอย่างเช่น การซิงค์ข้อมูลระหว่างเครื่องพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี หรือการเชื่อมต่อทีวีกับเซ็ตท็อปบ็อกซ์ของเคเบิลทีวี เทคโนโลยีที่ได้รับเลือกจะได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “802.15.3a” ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้มหาศาลระดับ 1.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ในปี 2007 ตามการรายงานของซีเน็ตโดยอ้างถึงประมาณการณ์ของบริษัทเอบีไอ (Allied Business Intelligence; ABI) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาดเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีความชัดเจนในตัว “802.15.3a” แต่ที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วก็คือ เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยกองทัพสหรัฐฯชื่อ “อัลตร้าไวด์แบนด์” หรือ “ยูดับเบิลยูบี” (Ultra Wideband; UWB) ซึ่ง 95% ของข้อเสนอที่ยื่นเข้ามาเลือกใช้เทคนิคนี้ ตามคำกล่าวของ เบน แมนนี (Ben Manny) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย บริษัทอินเทล ผู้ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์กล่าวว่า มันถูกกว่าและกินพลังงานน้อยกว่าบลูทูธ ทั้งยังมีความเร็วสูงกว่าบลูทูธประมาณ 100 เท่า ซึ่งเหมาะสำหรับอุปกรณ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วย บลูทูธ (Bluetooth) คือเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับเครือข่ายไร้สายส่วนบุคคล และเป็นที่ยอมรับของผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและพีดีเอชั้นนำทั่วโลก รวมถึงบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) และบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer) แต่ผู้ไม่เห็นด้วยกับเทคโนโลยีนี้แย้งว่า เพราะอัลตร้าไวด์แบนด์เป็นช่องสัญญาณสื่อสารความถี่กว้าง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อาจไปกวนความถี่ในช่องสัญญาณอื่นที่อยู่ใกล้ๆและกำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ไว-ไฟ (Wi-Fi) “สนีคกี้เวฟ” “อัลตร้าไวด์แบนด์” หรือ “สนีคกี้เวฟ” เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นภายในกองทัพสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สื่อสารระยะสั้นแบบไร้สายและขจัดปัญหาการถูกดักฟัง คลื่นวิทยุส่วนใหญ่จะเป็นคลื่นความถี่ชนิดแนร์โรว์แบนด์ (Narrow Band) ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือที่ใช้ช่องสัญญาณในช่วง 100MHz แต่อัลตร้าไวด์แบนด์จะสูงกว่านั้นหลายสิบหลายพันเท่า บางบริษัทยอมรับว่า อัลตร้าไวด์แบนด์มีช่องสัญญาณที่กว้างมากๆ นั่นเป็นธรรมชาติของมัน หลายรายแก้ไขโดยการซอยช่องความถี่อัลตร้าไวด์แบนด์ออกเป็นช่องสัญญาณเล็กๆซึ่งแต่ละช่องจะมีความถี่ประมาณ 1,000MHz ตัวอย่างเช่น บริษัทเอ็กซ์ตรีมสเปกตรัม (XtremeSpectrum) ที่ซอยช่องสัญญาณอัลตร้าไวด์แบนด์ออกเป็น 2 ช่องสัญญาณย่อย ซึ่งวิธีนี้ได้รับการสนับสนุนจากโมโตโรลา (Motorola) ด้วย ตามการเปิดเผยของตัวแทนจากบริษัทเอ็กซ์ตรีมสเปกตรัม ขณะที่บริษัทอื่น เช่น อินเทลซอยออกเป็น 14 ช่องสัญญาณ


2.มาตรฐานIEEE.802.11
มาตรฐาน IEEE 802.11 ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2540 โดย IEEE (The Institute of Electronics and Electrical Engineers) และเป็นเทคโนโลยีสำหรับ WLAN ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือข้อกำหนด (Specfication) สำหรับอุปกรณ์ WLAN ในส่วนของ Physical (PHY) Layer และ Media Access Control (MAC) Layer โดยในส่วนของ PHY Layer มาตรฐาน IEEE 802.11 ได้กำหนดให้อุปกรณ์มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 1, 2, 5.5, 11 และ 54 Mbps โดยมีสื่อ 3 ประเภทให้เลือกใช้ได้แก่ คลื่นวิทยุที่ความถี่สาธารณะ 2.4 และ 5 GHz, และ อินฟราเรด (Infarred) (1 และ 2 Mbps เท่านั้น) สำหรับในส่วนของ MAC Layer มาตรฐาน IEEE 802.11 ได้กำหนดให้มีกลไกการทำงานที่เรียกว่า CSMA/CA (Carrier Sense Multiple Access/Collision Avoidance) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับหลักการ CSMA/CD (Collision Detection) ของมาตรฐาน IEEE 802.3 Ethernet ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปในเครือข่าย LAN แบบใช้สายนำสัญญาณ นอกจากนี้ในมาตรฐาน IEEE802.11 ยังกำหนดให้มีทางเลือกสำหรับสร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่าย IEEE 802.11 WLAN โดยกลไกการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) และการตรวจสอบผู้ใช้ (Authentication) ที่มีชื่อเรียกว่า WEP (Wired Equivalent Privacy) ด้วย


วิวัฒนาการของมาตรฐาน IEEE 802.11
มาตรฐาน IEEE 802.11 ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งอุปกรณ์ตามมาตรฐานดังกล่าวจะมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 1 และ 2 Mbps ด้วยสื่อ อินฟราเรด (Infarred) หรือคลื่นวิทยุที่ความถี่ 2.4 GHz และมีกลไก WEP ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับสร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่าย WLAN ได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากมาตรฐาน IEEE 802.11 เวอร์ชันแรกเริ่มมีประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำและไม่มีการรองรับหลักการ Quality of Service (QoS) ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด อีกทั้งกลไกรักษาความปลอดภัยที่ใช้ยังมีช่องโหว่อยู่มาก IEEE จึงได้จัดตั้งคณะทำงาน (Task Group) ขึ้นมาหลายชุดด้วยกันเพื่อทำการปรับปรุงเพิ่มเติมมาตรฐานให้มีศักยภาพสูงขึ้น โดยคณะทำงานกลุ่มที่มีผลงานที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ IEEE 802.11a, IEEE 802.11b, IEEE 802.11e, IEEE 802.11g, และ IEEE 802.11i


IEEE 802.11b
คณะทำงานชุด IEEE 802.11b ได้ตีพิมพ์มาตรฐานเพิ่มเติมนี้เมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด มาตรฐาน IEEE 802.11b ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า CCK (Complimentary Code Keying) ผนวกกับ DSSS (Direct Sequence Spread Spectrum) เพื่อปรับปรุงความสามารถของอุปกรณ์ให้รับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps ผ่านคลื่นวิทยุความถี่ 2.4 GHz (เป็นย่านความถี่ที่เรียกว่า ISM (Industrial Scientific and Medical) ซึ่งถูกจัดสรรไว้อย่างสากลสำหรับการใช้งานอย่างสาธารณะด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม และการแพทย์ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ความถี่ย่านนี้ก็เช่น IEEE 802.11, Bluetooth, โทรศัพท์ไร้สาย, และเตาไมโครเวฟ) ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ IEEE 802.11 WLAN ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะเป็นอุปกรณ์ตามมาตรฐาน IEEE 802.11b นี้และใช้เครื่องหมายการค้าที่รู้จักกันดีในนาม Wi-Fi ซึ่งเครื่องหมายการค้าดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นโดยสมาคม WECA (Wireless Ethernet Compatability Alliance) โดยอุปกรณ์ที่ได้รับเครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเป็นไปตามมาตรฐาน IEEE 802.11b และสามารถนำไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นๆที่ได้รับเครื่องหมาย Wi-Fi ได้


IEEE 802.11a
คณะทำงานชุด IEEE 802.11a ได้ตีพิมพ์มาตรฐานเพิ่มเติมนี้เมื่อปี พ.ศ. 2542 มาตรฐาน IEEE 802.11a ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing) เพื่อปรับปรุงความสามารถของอุปกรณ์ให้รับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps แต่จะใช้คลื่นวิทยุที่ความถี่ 5 GHz ซึ่งเป็นย่านความถี่สาธารณะสำหรับใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์อื่นน้อยกว่าในย่านความถี่ 2.4 GHz อย่างไรก็ตามข้อเสียหนึ่งของมาตรฐาน IEEE 802.11a ที่ใช้คลื่นวิทยุที่ความถี่ 5 GHz ก็คือในบางประเทศย่านความถี่ดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสาธารณะ ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการใช้งานอุปกรณ์ IEEE 802.11a เนื่องจากความถี่ย่าน 5 GHz ได้ถูกจัดสรรสำหรับกิจการอื่นอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของอุปกรณ์ IEEE 802.11a WLAN ก็คือรัศมีของสัญญาณมีขนาดค่อนข้างสั้น (ประมาณ 30 เมตร ซึ่งสั้นกว่ารัศมีสัญญาณของอุปกรณ์ IEEE 802.11b WLAN ที่มีขนาดประมาณ 100 เมตร สำหรับการใช้งานภายในอาคาร) อีกทั้งอุปกรณ์ IEEE 802.11a WLAN ยังมีราคาสูงกว่า IEEE 802.11b WLAN ด้วย ดังนั้นอุปกรณ์ IEEE 802.11a WLAN จึงได้รับความนิยมน้อยกว่า IEEE 802.11b WLAN มาก


IEEE 802.11g
คณะทำงานชุด IEEE 802.11g ได้ใช้นำเทคโนโลยี OFDM มาประยุกต์ใช้ในช่องสัญญาณวิทยุความถี่ 2.4 GHz ซึ่งอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ส่วนรัศมีสัญญาณของอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN จะอยู่ระหว่างรัศมีสัญญาณของอุปกรณ์ IEEE 802.11a และ IEEE 802.11b เนื่องจากความถี่ 2.4 GHz เป็นย่านความถี่สาธารณะสากล อีกทั้งอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IEEE 802.11b WLAN ได้ (backward-compatible) ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงว่าอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายหากมีราคาไม่แพงจนเกินไปและน่าจะมาแทนที่ IEEE 802.11b ในที่สุด ตามแผนการแล้วมาตรฐาน IEEE 802.11g จะได้รับการตีพิมพ์ประมาณช่วงกลางปี พ.ศ. 2546


3. อุปกรณ์เครือข่ายไร้สายมีอะไรบ้าง
เครือข่ายไร้สายที่จะนำมาใช้งานประกอบขึ้นด้วยอุปกรณ์ประเภทต่างๆ มากมาย ซึ่งมีทั้งออกแบบมาสำหรับใช้งานกับผู้ใช้งานภายในบ้านและผู้ใช้งานภายในองค์กรต่างๆ

PCI Card ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ หลายๆ รุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนบอร์ดในระดับไฮเอนด์ จะมีคุณสมบัติไร้สายแบบ Built-in ให้มาด้วย แต่ถ้าท่านต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพีซีที่มีอยู่ต้องการใช้งานร่วมกับระบบไร้สาย ได้ก็สามารถเลือกติดตั้ง PCI Card ได้ ด้วยการถอดฝาครอบเครื่องของเราออกแล้วติดตั้งเข้าไปได้ทันที การ์ดอีเทอร์เน็ตไร้สายแบบนี้นั้นจะมีเสาส่งสัญญาณแบบ Dipole ให้มาด้วย 1 เสา ถอดเปลี่ยนได้มาให้พร้อมกันด้วย ซึ่งผู้ใช้งานนั้นสามารถที่จะปรับองศาให้หันไปทิศทางที่ Access Point ตั้งอยู่เพื่อให้ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนสัญญาณระหว่างกันนั้นดีขึ้นได้

PCMCIA Card เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่มีจำหน่ายในปัจจุบันนี้นิยมผนวกรวมความสามารถในการใช้งานเครือข่ายไร้สายเข้าไว้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโน้ตบุ๊กที่ใช้งานเทคโนโลยี Intel Centrino ของทาง Intel แต่ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของท่านไม่สามารถใช้งานเครือข่ายไร้สาย ก็สามารถหาซื้อการ์ดแบบ PCMCIA CardBus Adapter มาติดตั้งได้ โดยลักษณะของตัวการ์ดจะมีขนาดเล็กเท่าบัตรเครดิต บางเบาและน้ำหนักน้อยจึงสามารถติดตั้งเข้ากับสล็อตแบบ PCMCIA ของเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กได้โดยง่ายทีเดียว

Access Pointเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป็นตัวกลางในการรับและส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งการ์ดเครือข่ายไร้สายให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ลักษณะการทำงานจะเป็นเช่นเดียวกับ Hub ที่ใช้กับระบบเครือข่ายใช้สาย โดย Access Point จะมีพอร์ต RJ-45 สำหรับใช้เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายใช้สายที่ใช้งานกันอยู่

Wireless Broadband Router อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ ADSL ซึ่งออกแบบมาสำหรับจุดประสงค์การใช้งานอย่างหลากหลายเป็นทั้ง Router, Switch และ Access Point ปกติผู้ผลิตจะออกแบบมาให้มีพอร์ตเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบใช้สายจำนวน 4 พอร์ต แต่ผู้ผลิตหลายรายก็ออกอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กขนาดพ็อกเก็ตที่มีปุ่มสลับโหมดการทำงานมาให้ใช้ ซึ่งเหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้ง

Wireless Bridge เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้เชื่อมต่อเครือข่าย 2 เครือข่าย ให้สื่อสารกันได้ มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบติดตั้งภายนอกซึ่งใช้เชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างอาคาร และแบบที่ติดตั้งภายในอาคาร โดย Wireless Bridge มี 2 ลักษณะให้เลือกใช้ คือ แบบที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างจุดต่อจุด (Point-to-Point) และแบบจุดต่อหลายจุด (Point-To-Multipoint)

Wireless PrintServer สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องพิมพ์เพื่อให้มีความสามารถในแบบไร้สาย มีทั้งรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับเครื่องพิมพ์ที่มีพอร์ต Parallel, USB หรือทั้งสองพอร์ตร่วมกันด้วย

PoE (Power over Ethernet) Adapter เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับแก้ไขข้อยุ่งยากในการเดินสายไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ไร้สาย โดยหันมาใช้วิธีการจ่ายไฟผ่านสายนำสัญญาณ UTP ที่ยังมีคู่สายที่ยังไม่ถูกนำมาใช้งานมาทำหน้าที่แทน ซึ่งอุปกรณ์PoE Adapter จะมี 2 ส่วน คือ Power Injector เป็นอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าและนำสัญญาณข้อมูลจาก Switch Hub เข้าไปสายนำสัญญาณสู่อุปกรณ์ไร้สายอย่าง Access Point และอีกอุปกรณ์เป็น Spliter ที่ใช้แยกสัญญาณข้อมูลและไฟฟ้าให้กับ Access Point ผู้ผลิตหลายรายในปัจจุบันออกแบบให้ Switch สนับสนุนมาตรฐาน IEEE 802.3af (PoE) มาพร้อมด้วย

4.สเปคอุปกรณ์ของอุปกรณ์ไร้สายพร้อมราคาคุณสมบบัติการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานกับเครือข่ายไร้สายนั้น มีข้อพิจารณาไม่ได้แตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์เครือข่ายใช้สายเท่าใดนัก โดยคุณสมบัติที่ควรมีมีดังต่อไปนี้มาตรฐานใดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ในปัจจุบันมาตรฐานที่นิยมใช้กันงานกันอยู่จะเป็นมาตรฐาน IEEE802.11g ซึ่งรองรับอัตราความเร็วสูงสุดในระดับ 54 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานโดยทั่วๆ ไปในปัจจุบันได้อย่างดี พร้อมกันนั้นก็ยังสนับสนุนการทำงานร่วมกันกับมาตรฐานเดิมอย่าง IEEE802.11b ได้อย่างไร้ปัญหา แต่ในขณะนี้ก็เริ่มที่จะเห็นผู้ผลิตหลายๆ รายต่างส่งผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเทคโนโลยี MIMO ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นที่คาดหมายกันว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เครือข่ายไร้สายที่ให้แบนด์วิดท์, ให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่มากกว่าและมีรัศมีการทำงานที่ดีกว่านั้นจะเข้ามาทดแทนมาตรฐาน IEEE 802.1g เดิม แต่ผลิตภัณฑ์ที่จะใช้งานคุณสมบัติเหล่านี้ได้อย่างเต็มพิกัดจะต้องเป็นอุปกรณ์จากซีรีส์เดียวกัน ซึ่งตอนนี้ยังมีราคาแพงอยู่มาก การเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับมาตรฐาน IEEE802.11g จึงยังคงเป็นคำตอบที่คุ้มค่ามากที่สุดอยู่ ระบบอินเตอร์เฟซแบบไหนสำหรับคุณ การ์ดอีเทอร์เน็ตไร้สายก็มีหลายแบบหลายชนิดให้เราๆ ได้เลือกใช้เช่นเดียวกัน สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กคุณสมบัติแบบไร้สายดูจะถูกผนวกรวมมาพร้อมกับตัวเครื่องแล้ว แต่สำหรับท่านที่ยังต้องการการ์ดไร้สายสำหรับโน้ตบุ๊กตัวโปรดอยู่ Wireless PCMCIA Card คือคำตอบสุดท้าย หรือถ้าอยากจะใช้งานร่วมกับเครื่องพีซีอย่างคุ้มค่าก็ควรเลือกการ์ดแบบ USB Adapter ที่ราคาอาจจะแพงขึ้นมาหน่อยแต่ก็แลกมากับความคุ้มค่าใช้งานได้หลากหลายกว่า สำหรับท่านที่มีเครื่องพีซีก็มีอินเทอร์เฟซแบบ PCI Card มาเป็นตัวเลือกเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมาพร้อมสายสัญญาณและเสาอากาศที่ตั้งบนที่สูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารได้ ผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงสัญญาณระหว่างกัน นอกจากจะสนับสนุนการทำงานในแบบ Ad-Hoc หรือ Peer-to-Peer แล้ว ระบบเครือข่ายไร้สายก็ยังสามารถใช้ Access Point เป็นจุดเชื่อมต่อสัญญาณกับเครือข่ายใช้สายเพื่อการแชร์การใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการได้ยืดหยุ่นกว่า ในแบบ Insfrastructure โดยถ้ายังไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือติดตั้งระบบเครือข่ายมาก่อน ก็ควรจะเลือกใช้อุปกรณ์อย่าง Wireless Router ที่มีคุณสมบัติในแบบ All-in-One จะให้ความคุ้มค่าได้มากกว่า หรือถ้ามีการใช้งานเครือข่ายใช้สายและไร้สายอยู่ก่อนแต่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งาน การเลือกใช้ Access Point ที่สนับสนุนโหมดการทำงานแบบ Bridge และ Repeater ร่วมด้วย ดูจะเป็นการลงทุนที่ดูคุ้มค่ากว่า ปกป้องการใช้งานด้วยระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายไร้สายก็คือ การสื่อสารไร้สายนั้นเป็นการติดต่อสื่อสารด้วยการใช้คลื่นวิทยุที่แพร่ไปตามบรรยากาศ จึงต้องให้ความสนใจในการเข้ารหัสข้อมูล ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการดักจับสัญญาณจากผู้ไม่ประสงค์ดี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ไร้สายจึงต้องคำนึงถึงฟังก์ชันการเข้ารหัสที่ใช้ ซึ่งเทคนิคที่ใช้งานโดยทั่วๆ ไป สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน Wired Equivalent Privacy หรือ WEP ขนาด 64/128-bit ร่วมกับ MAC Address Filtering ก็ดูจะเพียงพอ แต่สำหรับการใช้งานภายในองค์กรนั้นเทคนิคการตรวจสอบและกำหนดสิทธิ์การใช้งานต้องดูแข็งแกร่งกว่าโดยเลือกใช้ WPA (Wi-Fi Protected Privacy) ซึ่งใช้คีย์การเข้ารหัสที่น่าเชื่อถือร่วมกันกับเทคนิคการตรวจสอบและการกำหนดสิทธิ์ในแบบ 2 ฝั่ง แบบอื่นๆ อย่าง RADIUS ร่วมด้วยจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม เสารับส่งสัญญาณของผลิตภัณฑ์ สำหรับเสาอากาศของการ์ดไร้สายนั้น ถ้าเป็นการ์ดแบบ PCMCIA และแบบ USB จะเป็นเสาอากาศ Built-in มาพร้อมตัวการ์ด ส่วนการ์ดแบบ PCI นั้นจะเป็นเสาอากาศแบบ Reverse-SMA Connector ซึ่งสามารถถอดออกได้ โดยที่พบเห็นจะเป็นทั้งในแบบเสาเดี่ยวๆ ที่หมุนเข้ากับตัวการ์ด และอีกแบบจะเป็นแบบที่มีสายนำสัญญาณต่อเชื่อมกับเสาที่ตั้งบนพื้นหรือยึดติดกับผนังได้ ซึ่งการเลือกซื้อนั้นควรเลือกซื้อเสาอากาศแบบหลัง เนื่องจากให้ความยืดหยุ่นในการติดตั้งมากกว่า เพราะสามารถติดตั้งบนที่สูงๆ ได้ สำหรับอุปกรณ์อย่าง Access Point หรือ Wireless Router นั้นจะมีเสานำสัญญาณทั้งในแบบเสาเดี่ยวและ 2 เสา โดยการเลือกซื้อนั้นควรเลือกซื้อแบบ 2 เสา เนื่องจากให้ประสิทธิภาพในการรับส่งสัญญาณที่ดีกว่า โดยลักษณะของเสานั้นจะมีทั้งในแบบที่ยึดติดกับเข้ากับตัวอุปกรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบเห็นในรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน และอีกแบบเป็นเสาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหัวเชื่อมต่อนั้นจะเป็นทั้งแบบ Reverse-SMA Conector, SMA Conector และแบบ T-Connector ซึ่งถ้าจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเสาอากาศควรจะเลือกซื้อจากทางผู้ผลิตรายเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ซื้อหัวเชื่อมต่อผิดประเภท สำหรับชนิดของเสาอากาศที่มีจำหน่ายจะมี 2 ชนิดหลักๆ ก็คือ แบบ Omni-Direction Antenna ซึ่งเป็นเสาที่ทุกผู้ผลิตให้มากับตัวผลิตภัณฑ์แล้ว โดยคุณสมบัติของเสาประเภทนี้ก็คือ การรับและส่งสัญญาณในแบบรอบทิศทางในลักษณะเป็นวงกลม ทำให้การกระจายสัญญาณนั้นมีรัศมีโดยรอบ ครอบคลุมพื้นที่ แต่ถ้าต้องการใช้งานที่มีลักษณะรับส่งสัญญาณเป็นเส้นตรงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการรับส่งและระยะทางตามต้องการก็มีเสาอีกชนิดหนึ่ง คือ Direction Antenna ซึ่งนิยมใช้งานกับผลิตภัณฑ์ประเภท Wireless Bridge สำหรับการสื่อสารในแบบ Point-to-Pointสำหรับท่านที่ต้องการเพิ่มระยะทางการเชื่อมต่อให้ได้ไกลมากยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกซื้อเสาอากาศ High Gain ที่มีการขยายสัญญาณสูงกว่าเสาอากาศที่ทางผู้ผลิตให้มากับตัวอุปกรณ์ โดยมีให้เลือกใช้หลายแบบทั้งในแบบที่มีค่า Gain 5, 8, 12, 14 หรือสูงกว่าได้ กำลังส่งที่ปรับได้ สำหรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ไร้สายนั้น การปรับกำลังส่งสัญญาณได้นับว่าเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของตัวผลิตภัณฑ์ โดยกำลังส่งสูงสุดจะไม่เกิน 100mW หรือ 20dBm ซึ่งผู้ผลิตบางรายจะมีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนกำลังสูงสุดนี้ทีเดียว โดยค่ากำลังส่งที่มากก็แสดงว่า สามารถที่จะแพร่สัญญาณไปในระยะทางที่ไกล หรือให้รัศมีที่มากขึ้น แต่ก็สามารถปรับกำลังส่งให้ลดต่ำลงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานภายในองค์กรที่จะต้องใช้กำลังส่งให้เหมาะสมกับพื้นที่ เนื่องจากกำลังส่งสูงๆ อาจจะไปรบกวนสำนักงานข้างเคียงและอาจถูกลักลอบใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายก็เป็นไปได้ การอัปเกรดเฟิร์มแวร์เพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ๆ อุปกรณ์สำหรับระบบเครือข่ายไร้สายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Access Point, Wireless Router หรือผลิตภัณฑ์ไร้สายประเภทอื่นๆ ทางผู้ผลิตก็อาจจะเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ๆ ในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของฟังก์ชันการเข้ารหัส ซึ่งอุปกรณ์ที่ผลิตออกมาก่อนหน้าจะสนับสนุน WEP, WPA ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงมากกว่า ทำให้ผู้ผลิตรายต่างๆ มีการออกเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ๆ ที่สนับสนุนการทำงานเพิ่มเติมอย่างทำให้รองรับ WPA2 ซึ่งเป็นฟังก์ชันการเข้ารหัสรุ่นใหม่ล่าสุดของอุปกรณ์ไร้สายออกมา ซึ่งผู้ผลิตจะมีเมนูเชื่อมโยงเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่มาใช้งานได้



วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ข้อสอบปลายภาค 50 ข้อเรียนวันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2551
วันพุธ, ตุลาคม 22, 2008
1. พื้นที่ที่สัญญาณครอบคลุมการทำงานเรียกว่าอะไร
a.AP
b. BSS
c. ESS
d. DCF
เฉลย a. AP
2. ข้อใดไม่ถูกต้องในการกล่าวถึง Rang ของความถี่
a. 902 MHz – 928 MHz
b. 2.400 GHz – 2.8435 GHz
c. 5.725 GHz – 5.855 GHz
d. ข้อ ก. และ ข้อ ข.
เฉลย b. 2.400 GHz – 2.8435 GHz
จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถามจากข้อ 3 – 8 เขียนคำตอบลงในช่อง ก.
A. Industry
B. Science
C. Medical
D. 900 MHz
E. 2.400 GHz
F. IEEE802.11a
G. IEEE802.11b
H. 54 Mbits
I. 2 Mbits
J. 11 Mbits
K. DSSS
L. FHSS
M. ISM
3. Data Rate สูงสุดที่สามารถส่งข้อมูลได้ใน wireless Lan ที่ใช้ Machanism แบบ OFDM
เฉลย K.DSSS
4. Radio Frequency ที่ใช้งานเยอะที่สุดใน IEEE802.11
เฉลย L. FHSS
5. IEEE802.11b ใช้ machanism แบบใด
ตอบ C. Medical
6. Machanism แบบใดที่มี Data Rate 11 Mbits
เฉลย A. Industry
7. ย่านความถี่ที่อนุญาตให้ใช้ได้ในงานอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และการแพทย์
เฉลย D. 900 MHz
8. Radio frequency 2.400 GHz มีกี่ channela. 54 b. 69c. 79 d. 89
เฉลย c.799.
9.ในการ hop แต่ละ hop ใช้การ synchronize ต่างกันเท่าไหร่
a. 0.4 ms per hop
b. 0.45 ms per hop
c. 0.2 ms per hop
d. 0.25 ms per hop
เฉลย b.0.45 ms per hop
10. สถาปัตยกรรมของ wireless lan ใน mode ใดที่ต้องเดินสาย wire network
a. ad-hoc
b. Peer to peer
c. Infrastructure
d. BSS
เฉลย d.BSS
11. Routing Protocol มีกี่แบบ อะไรบ้าง
a. 2 แบบ Link state & Distance Vector
b. 2 แบบ Link state & Dynamic
c. 2 แบบ Dynamic & Static
d. 2 แบบ DGP & OSPF
เฉลย b. 2 แบบ Link state & Dynamic
12. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาลักษณะของ Routing ที่ดี
a. Cost ต่ำ
b. Space ต่ำ
c. Delay ต่ำ
d. Hop ต่ำ
เฉลย d. Hop ต่ำ
13. Protocol BGP พิจารณาการส่งข้อมูลจากอะไร
a. จำนวนลิงค์
b. ระยะทาง
c. จำนวน router
d. ราคาค่าเช่า
เฉลย b. ระยะทาง
14. ลักษณะสำคัญของ routing table ประกอบด้วยอะไรบ้าง
a. ต้นทาง
b. ปลายทาง
c. ต้นทาง ปลายทาง
d. ต้นทาง โปรโตคอล ปลายทาง
เฉลย c. ต้นทาง ปลายทาง
15. OSFP (Open Shortest Path First) เป็นชื่อของ
a. Algorithm
b. Protocol
c. Router
d. Routing Table
เฉลย b. Protocol
16. ชนิดของเส้นใยแก้วนำแสงที่ใช้รับ – ส่งข้อมูลในระยะทางไกล ๆ
a. Grade Index Multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย a.Grade Index Multimode
17. แกนกลางที่เป็นใยแก้วนำแสงเรียกว่าอะไร
a. Jacket
b. Cladding
c. Core
d. Fiber
เฉลย c. Core
18. แสดงที่เดินทางภายใสเส้นใยนำแสงจะตกกระทบเป็นมุม คือลักษณะของเส้นใยแก้วแบบใด
a. Grade Index Multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย a. Grade Index Multimode
19. แสดงที่เดินทางภายในเส้นใยแก้วนำแสงจะเป็นเส้นตรง คือลักษณะของเส้นใยแก้วแบบใด
a. Grade Index multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย c. Single Mode
20. ต้นกำเนิดแสง (optical source) ที่มี Power ของแสงเข้มข้นคือ
a. Laser
b. APD
c. LED
d. PIN-FET
เฉลย d.PIN-FET
21. ข้อใดคือ Fast Ethernet
a. 10base5
b. 1000baseFX
c. 100BaseFL
d. 10GbaseTX
เฉลย b. 1000baseFX
22. 10BasF ใช้สายสัญญาณอะไรในการส่งข้อมูล
a. UTP
b. STP
c. Coaxial
d. Fiber Optic
เฉลย b. STP
23. ข้อใดไม่ใช่ Ethernet แบบ 1000 mbps
a. 1000BaseT
b. 100BaseTX
c. 1000BaseX
d. 1000BaseFL
เฉลย c.1000BaseX
24. ขนาด Frame ที่เล็กที่สุดของ Gigabit Ethernet คือ
a. 53 byte
b. 64 byte
c. 128 byte
d. 512 byte
เฉลย d. 512 byte
25. Ethernet ใช้ protocol ใดในการตรวจสอบการส่งข้อมูล
a. LLC
b. CSMA/CA
c. CSMA/CD
d. ALOHA
เฉลย b. CSMA/CA
26. Ethernet 10baseT ต่อยาวกี่เมตรสูงสุด
a. 80 ม.
b. 100 ม.
c. 150 ม.
d. 185 ม.
เฉลย b. 100 ม.
27. ใครเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของ Ethernet
a. OSI
b. IEEE
c. ISO
d. CCITT
เฉลย b.IEEE
28. 10Base5 ใช้สาย Coaxial แบบใด
a. Thin
b. Thick
c. UTP
d. STP
เฉลย b.Thick
29. Fast Ethernet มีความเร็วเท่าใด
a. 10 mbps
b. 100 mbps
c. 1000 mbps
d. 10 Gbps
เฉลย b. 100 mbps
30. 100 Mbps, baseband, long wavelength over optical fiber cable คือ มาตรฐานของ
a. 1000Base-LX
b. 1000Base-FX
c. 1000Base-T2
d. 1000Base-T4
เฉลย d.1000Base-T4
31. ATM มีขนาดกี่ไบต์
a. 48 ไบต์
b. 53 ไบต์
c. 64 ไบต์
d. 128 ไบต์
เฉลย b. 53 ไบต์
32. CSMA พัฒนามาจาก
a. CSMA/CA
b. CSMA/CD
c. CSMA
d. ALOHA
เฉลย b. CSMA/CD
33. Internet เกิดขึ้นที่ประเทศอะไร
a. AU
b. JP
c. USA
d. TH
เฉลย c.USA
34. เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายข้อมูล หรือ Transport Technology
a. SEH
b. ATM
c. Mobile
d. DWDM
เฉลย d. DWDM
35. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเรียกว่าอะไร
a. CS internet
b. Operator
c. Admin
d. ISP
เฉลย c.Admin
36. การแจกจ่ายหมายเลขไอพีแอดเดรส ให้กับเครื่องลูกโดยอัตโนมัติเรียกว่าอะไร
a. DNS
b.
c. DHCP
d. Proxxy
เฉลย b.FTP
37. การถ่ายโอนข้อมูลบนระบบอินเตอร์เน็ตเรียกว่าอะไร
a. DNS
b. FTP
c. DHCP
d. Proxxy
เฉลย c. DHCP
38. โปรโตคอลการสื่อการที่เป็น offline
a. ICMP
b. TCP
c. UDP
d. ARP
เฉลย d. ARP
39. การหาเส้นทางการส่งข้อมูลเรียกว่า
a. Routing
b. Routing Protocol
c. RoutingTable
d. Router
เฉลย b. Routing Protocol
40. ข้อใดไม่มีในขั้นตอนการทำ server 7 พ.ค. 48
a. DHCP
b. DNS
c. Routing Protocol
d. Virtual host
เฉลย b. DNS
41. หมายเลข IP Class ใดรองรับการทำงานของ host ได้สูงสุด
a. A
b. B
c. C
d. D
เฉลย d. D
42. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างชนิดเข้าด้วยกันคือ
a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router
เฉลย a. Hub
43. การ set ค่าความสำคัญสูงสุด (High priority) ของ packet เป็นหน้าที่ของ function ใดต่อไปนี้
a. PIFS
b. SIFS
c. DIFS
d. MIB
เฉลย d. MIB
44. การป้องกันการชนกันของการส่งข้อมูลใด WLAN ใช้หลักการใด
a. ALOHA
b. CSMA
c. CSMA/CA
d. CSMA/CD
เฉลย d. CSMA/CD
45. Data Rate สูงสุดขนาด 54 Mb ที่ส่งได้ใน WLAN ใช้มาตรฐานใดและใช้หลัก mechanism (กลไกการส่ง) แบบใดa. IEEE802.11
a. DSSS
b. IEEE802.11b;FHSS
c. IEEE802.11a ; OFDM
d. IEEE802.11b ; OFDM
เฉลย c. IEEE802.11a ; OFDM
46. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ D/A คือ
a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router
เฉลย c. Modem
47.อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่บรอดแคสสัญญาณ (Broadcast) คือ
a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router
เฉลย d. Router
48. Mechanism ใดของ WLAN ที่มีการรบกวน (Interference) สูงที่สุดใด
a. Diffuse IR
b. DSSS
c. OFDM
d. FHSS
เฉลย b. DSSS
49. CIDR 192.168.0.0/24 จะมีค่า subnet mask เท่าใด
a. 225.225.0.0
b. 225.225.128.0
c. 225.225.225.0
d. 225.225.225.192
เฉลย d. 225.225.225.192
50. การ Roaming ใช้กับการโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง
a. AP กับ AP
b. BSSกับ AP
c. AP กับ BSS
d. BSS กับ BSS
เฉลย c. AP กับ BSS

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วันจันทร์, ตุลาคม 13, 2008

ส่งงานครั้งที่1/(2/2551)
เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการกระจาย 3(2-2)
Computer Network and
Distributedคำอธิบายรายวิชา (4122102)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครือข่าย การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับเทอร์ฟินอบ ขั้นของโปรโตคอลมาตรฐาน OSI รูปแบบต่างๆ ของเครือข่าย X.25 เนตเวอร์ค และดิจิตอลเนตเวอร์ค การประมวลผลแบบตามลำดับแบบขนาน การไปป์ไลน์ (Pipelining) การประมวลผลแบบเวคเตอร์ (Vector Processing) การประมวลผลแบบอะเรย์ (Array Processors) พัลติโปรเซสเซอร์ (Multiprocessors) และฟอลท์โทเลอร์แรนซ์ (Favlt Tolerance)
====================================================================
URL
http://yalor.yru.ac.th/~sirichai/4122102/outline-1-45.html
สถาบันราชภัฏยะลา
http://yalor.yru.ac.th/~sirichai/4122102/outline-1-44.html
สถาบันราชภัฏยะลา
http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/Network2/index.htm
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนค่ะ
http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.html
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนค่ะ
http://www.yupparaj.ac.th/RoomNet2545/activity7/lesson7.htm
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนค่ะ
http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/network.htm
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนค่ะ
http://www.bcoms.net/network/intro.asp
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนค่ะ
http://ora.chandra.ac.th/~jamornkul/4122102/01.pdf
อ.จามรกุล เหล่าเกียรติกุล ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหน
http://ora.chandra.ac.th/~jamornkul/4122102/02.pdf
อ.จามรกุล เหล่าเกียรติกุล ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหนhttp://www.school.net.th/library/snet1/network/network/index.html
ไม่ทราบว่ามาจากสถาบันไหน

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เรียนวันอังคารที่ 29 กรกฏาคม 2551

Certificate
ประกาศนียบัตรในผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น เป็นเสมือนสิ่งที่รับรองบุคคลว่า บุคคลที่ได้รับประกาศนียบัตรนั้นมีความรู้ความชำนาญในเรื่องของผลิตภัณฑ์นั้น สามารถที่จะทำงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายบริษัทและองค์กรต่างมีการออกประกาศนียบัตรเพื่อรับรองถึงคุณภาพของบุคลากรที่ได้รับประกาศนียบัตรของตน ซึ่งต้องมีการทดสอบในเรื่องความรู้และความชำนาญในผลิตภัณฑ์ของตน บทความนี้เป็นการบอกเล่าถึงประกาศนียบัตรประเภทต่างๆ ของแต่ละบริษัท เช่น ไมโครซอฟท์ ซิสโก้ ซัน และโนเวล นอกจากนี้ในตอนท้ายมีขั้นตอนในการเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จในการสอบใบ
ประกาศนียบัตร
หากกล่าวถึงเรื่องของประกาศนียบัตร (Certificate) หรือใบรับรองความสามารถนั้น นับได้ว่าเป็นสิ่งที่รับรองถึงความรู้ความสามารถของบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีจนถึงขั้นที่ว่าเป็นมาตรฐานเลยทีเดียว ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ด้านคอมพิวเตอร์ของบริษัทผู้ผลิต และองค์กรบางองค์กรได้ออกประกาศนียบัตรเพื่อรับรองถึงคุณภาพของบุคลากรที่ได้รับประกาศนียบัตรของตน เทคโนโลยีในด้านต่างๆ มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์นั้นมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา บริษัทและองค์กรต่างๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ภายในองค์กรนั้น ย่อมต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ในด้านของเทคโนโลยีดังกล่าว เมื่อความรู้และเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง บุคลากรเหล่านั้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จึงเป็นธรรมดาที่ต้องพัฒนายกระดับความรู้ความสามารถของตนเองให้สามารถทำงานกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงให้ได้ การพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรทำได้หลายทาง ยกตัวอย่าง เช่น การศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง การสอบถามจากบุคคลอื่นที่มีความรู้และความชำนาญมากกว่า และการเข้ารับการอบรม เป็นต้น การสอบเพื่อให้ได้ใบประกาศนียบัตรเป็นหนึ่งในแนวทางการยกระดับความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบุคลากร รวมถึงองค์กรตลอดจนถึงระดับประเทศด้วย ปัจจุบัน เจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้นมีการจัดสอบเพื่อวัดระดับความรู้ของบุคคลมีต่อผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อที่จะสามารถประเมินได้อย่างคร่าวๆ ว่าบุคคลนั้นมีความรู้ความชำนาญในเรื่องของผลิตภัณฑ์มากน้อยเพียงไร บริษัทผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อันเป็นที่นิยมอาทิเช่น ไมโครซอฟท์ ซัน ไมโครซิสเต็ม ซิสโก้ซิสเต็ม ออราเคิล และโนเวล ซึ่งประกาศนียบัตรของแต่ละผลิตภัณฑ์มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป เรามาลองพิจารณารายละเอียดประกาศนียบัตรต่างๆ ของผู้ผลิตซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นกัน
1 . Cisco Certified Network Associate (CCNA)เป็นประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้ในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดเล็กได้ CCNA นี้ไม่มีวิชาบังคับที่ต้องได้รับมาก่อน (Exam Prerequisite) เมื่อสอบผ่านวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็สามารถได้รับประกาศนียบัตรนี้ ค่าใช้จ่ายในการสอบ 8, 000บาท
2. Cisco Certified Network Professional (CCNP)เป็นประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ได้ การที่จะสามารถสอบ CCNP ได้ต้องสอบผ่าน CCNA มาก่อน ค่าใช้จ่ายในการสอบ 36,000บาท
3.Cisco Certified Internetwork Expert (CCIE)เป็นประกาศนียบัตรขั้นสูงสุดในส่วนของ Network Installation and Support Certification และ Communication and Services Certificationฺค่าใช้จ่าบในการสอบ 140,000บาท
เรีอนวันอังคารที่ 8 กรกฏาคม 2551

การต่อสาย LAN

การทำสายสัญญาณ เพื่อใช้เองในบ้านหรือในสำนักงานขนาดเล็กก็ได้ วิธีการก็ไม่มีอะไรมากอย่างแรกเลยก็จัดเตรียมเรื่องของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ให้ครบถ้วนก่อนจะได้ไม่ต้องวิ่งหาตอนติดตั้ง โดยอุปกรณ์โดยทั่วไปก็มี สายสัญญาณหรือ UTP Cable หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าสาย LAN แล้วก็หัว RJ-45 (Male), Modular Plug boots หรือตัวครอบสาย หากว่ามี Wry Marker แล้วก็จะมีเหมือนกันเพราะว่าจะช่วยในการทำให้เราจำสายสัญาณได้ว่าปลายด้านไหนเป็นด้านไหน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นหมายเลข ไว้ใส่ในส่วนปลายทั้งสองด้านเพื่อให้ง่ายในการตรวจสอบระบบสายสัญญาณ คีมแค้มสายสัญญาณ หรือ Crimping Tool, มีดปอกสาย หรือ Cutterเอาละมาว่ากันเลยดีกว่าก่อนอื่นก็หยิบมีดหรือ Cutter อันเล็ก ๆ มาอันหนึ่งแล้วก็เล็งไปที่นิ้วจากนั้นก็ตัดนิ้วทิ้งไปซะ แล้วค่อยเอาหัว RJ มาต่อกับนิ้วแทน เท่านี้คุณก็สามารถเชื่อมต่อตัวคุณเองเข้าสู่ระบบเครือข่ายด้วยความไวสูงสุดถึง 100 มิลลิลิตรต่อนาที บางทีอาจจะเป็น Full Duplex Mode อีกต่างหาก ล้อเล่น ๆ เอาละนะใช้มีดปอกสายสัญญาณที่เป็นฉนวนหุ้มด้านนอกออกให้เหลือแต่ สายบิดเกลียวที่อยู่ด้านใน 8 เส้นแล้วก็จะเห็นด้ายสีขาว ๆ อยู่ให้ตัดทิ้งได้ โดยการปอกสายสัญญาณนั้นให้ปอกออกไว้ยาว ๆ หน่อยก็ได้ประมาณสัก 1 เซ็นครึ่งก็น่าจะได้นะตามตัวอย่างดังรูปข้างล่างนี้จากนั้นก็ให้ใส่ Modular Plug boots เข้ากับสาย UTP ด้านที่กำลังจะต่อกับหัว RJ-45

การ Cross สาย

Lanของฝากวันนี้บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับระบบสายสัญญาณให้ฟังแล้วกันนะ หลายๆ คนคงเคยทำระบบเครือข่ายมาบ้าง และคงสงสัยอยู่ว่าบางครั้งเขาใช้สายธรรมดา บางครั้งใช้สาย Cross บ้าง แล้วสองสายนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ลองมาดูลักษณะการเชื่อมต่อภายในของสาย UTP 8 เส้นที่ว่าก่อนดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้างดูรูปเลยแล้วกัน ถ้าเป็นการเข้าสายแบบธรรมดาหรือที่เขาใช้กันทั่วไป จะเป็นการต่อแบบที่ 1 ไป และ 2 ไป 2 จนถึง 8 ส่วนการไล่สีก็จะมีเป็นมาตรฐานกลาง ๆ ในการ ใช้ดังที่แสดงอยู่นั่นแหละ อันนี้เขาจะใช้เชื่อมต่อระหว่าง เครื่องคอมพิวเตอร์มาที่ HUB หรือ Switchingส่วนข้างล่างนี้เป็นการเข้าสายที่เราเรียกว่า Cross Cable นั่นเอง สังเกตว่าจะเป็นการสลับระหว่าง 1,2,3,6 ซึ่งเขา มักจะใช้ในกรณีของเชื่อมต่อระหว่าง HUB-to-HUB โดยที่ไม่ผ่านทาง Uplink Port คือ ต่อจาก Port ธรรมดาไป Port ธรรมดา เขาต้องใช้สาย Cross และเราสามารถนำมาดัดแปลง ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์สองเครื่องที่ต้องการต่อเป็น เครือข่ายโดยผ่านทางสาย UTP ได้โดยการใส่ LAN Card ลงที่เครื่องทั้งสองแล้วใช้สาย Cross ในการเชื่อมต่อเครื่อง ทั้งสองให้เป็นระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องใช้ HUB ก็ได้ส่วนสายอีก 4 เส้นที่เหลือคือ 4,5,7,8 ก็ไม่ต้องไปสลับอะไรกับมันก็ได้ เพราะว่าไม่ได้ใช้ในการส่งสัญญาณนะจ๊ะ..รูปแสดงคีมหรือ Crimping Tool ที่จะใช้ในการแค้มหัว อันนี้เป็นของยี่ห้อ Amp ราคาในตลาดก็คงประมาณ 5,000-6,000 บาทมั้งแต่ถ้าไม่ได้ใช้เยอะก็แนะนำให้เดินซื้อแถวพันทิพย์ หรือ ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทุกมุมในปัจจุบันนี้ ถ้าเอาแบบพอใช้ได้ราคาก็ประมาณ 400-800 บาท คุณภาพก็พอใช้ได้นะ ผมก็เคยซื้อมาใช้หลายอันแล้ว แต่ของ Amp นี้ค่อนข้างน่าใช้และชัวร์กว่าเยอะในการเข้าสาย แต่ราคานี่สิผมว่ามันไม่ค่อยจะน่าสนเท่าไหร่ ถ้าเราไม่มีอาชีพในการทำงานด้านนี้เฉพาะหรือ ต้องมีการเดินระบบสายสัญญาณบ่อย ๆรูปของคีมหรือ Crimping Tool ด้านหน้าที่จะใช้แค้มสายหลังจากที่ปอกสายเสร็จแล้วก็ให้ทำการแยกสายทั้ง 4 คู่ที่บิดกันอยู่ออกเป็นคู่ ๆ ก่อนโดยที่ให้แยกคู่ต่าง ๆ ตามลำดับต่อไปนี้ ส้ม-ขาวส้ม ---> เขียว-ขาวเขียว ---> น้ำเงิน-ขาวน้ำเงิน ---> น้ำตาล-ขาวน้ำตาล เพื่อแบ่งสายออกเป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยมาทำการแยกแต่ละคู่ออกมาเป็นเส้น โดยให้ไล่สีดังนี้ขาวส้ม ---> ส้ม ---> ขาวเขียว ---> น้ำเงิน ---> ขาวน้ำเงิน ---> เขียว ---> ขาวน้ำตาล ---> น้ำตาลซึ่งสีที่ไล่นี้เป็นสีที่ใช้เป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อ ซึ่งจริง ๆ แล้วการเข้าสายมีมาตรฐานการไล่สีอยู่หลัก ๆ ก็ 2 แบบแต่ในที่นี้ผมเอาแบบนี้แล้วกันเพราะว่าส่วนมากแล้วเขาจะใช้วิธีการไล่สีแบบนี้ หลังจากจัดเรียงสีต่าง ๆ ได้แล้วก็ให้จัดสายให้เป็นระเบียบ ให้พยายามจัดให้สายแต่ละเส้นชิด ๆ กัน ดังรูปหลังจากนั้นให้ใช้คีมตัดสายสัญญาณที่เรียงกันอยู่นี้ให้มีระบบปลายสายที่เท่ากันทุกเส้น โดยให้เหลือปลายสายยาวออกมาพอสมควร จากนั้นก็ให้เสียบเข้าไปในหัว RJ-45 ที่เตรียมมา โดยให้หันหัว RJ-45 ดังรูปจากนั้นค่อย ๆ ยัดสายที่ตัดแล้วเข้าไป โดยพยายามยัดปลายของสาย UTP เข้าไปให้สุดจนชนปลายของช่องว่าในหัว RJ-45 เลยจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเชื่อมต่อสายสัญญาณในช่วงนี้ก็คือต้องยัดฉนวนหุ้มที่หุ้มสาย UTP นี้เข้าไปในหัว RJ-45 ด้วย โดยพยายามยัดเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดแล้วกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการหักงอของสายง่าย โดยให้ยัดเข้าไปให้ได้ดังรูปข้างล่างนี้แล้วก็นำเข้าไปใส่ในช่องที่เป็นช่องแค้มหัวของ RJ-45 ในคีมที่จะใช้แค้มหัว หรือ Crimping Tool ให้ลงล็อกของคีมพอดี จากนั้นก็ให้ทำการกดย้ำสายให้แน่น เพื่อให้ Pin ทีอยู่ในหัว RJ-45 นั้นสัมผัสกับสายทองแดงที่ใส่เข้าไป บรรจงนิดหนึ่งนะครับในช่วงนี้ เพราะว่าเป็นช่วงหัวเลียวหัวต่อของชีวิตสายสัญญาณของคุณเลยแหละ เท่าที่ประสบการในการเข้าสายสัญญาณของผม ถ้าเป็นไอ้เจ้า Amp นี่ก็ไม่ต้องออกแรงมากเท่าไหร่ก็ OK ได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบของทั่ว ๆ ไปก็คงต้องออกแรงกดกันนิดหนึ่งแล้วกันอ้า...ท้ายที่สุดก็จะได้ปลายสัญญาณของระบบที่คุณต้องการดังกล่าวดังรูป ที่นี้ก็ไปทำอย่างที่ว่ามานี้อีกครั้งหนึ่งที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง แต่อย่าหลงเข้าใจผิดว่านี่เป็นสาย Cross นะ เพราะว่าสาย Cross นั้นคุณต้องทำการสลับสายสัญญาณที่เข้านี้ ลองไปดูหัวข้อ Tip of the Day นะผมแนะนำการเข้าสาย Cross ไว้ที่นั่นแล้ว เพราะว่าการเข้าสายทั้งสองแบบนี้การไล่สีของสายไม่เหมือนกัน แตกต่างกันนิดหน่อย ส่วนสาย Cross เราสามารถนำเอาไปเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องให้เป็นระบบเครือข่ายได้โดยที่ไม่ต้องใช้ HUB ได้เลย แต่ได้แค่ 2 เครื่องเท่านั้น ส่วนสายแบบที่ต่อตรง ๆ นั้นจะใช้เชื่อมต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์มายัง HUB

มาตรฐานการเข้า RJ-45

Pin# Signal EIA/TIA 568A EIA/TIA 56
1 Transmit+ ขาวเขียว ขาวส้ม
2 Transmit+ เขียว ส้ม
3 Receive+ ขาวส้ม ขาวเขียว
4 N/A น้ำเงิน น้ำเงิน
5 N/A ขาวน้ำเงิน ขาวน้ำเงิน
6 Receive- ส้ม เขียว
7 N/A ขาวน้ำตาล ขาวน้ำตาล
8 N/A น้ำตาล น้ำตาล

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551


เรียนวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2551
ข้อสอบเรื่องเครือข่ายอีเทอร์เน็ต หรือ IEEE 802.3

1 อีเทอร์เน็ตถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทใด
ก. Xeoxr
ข. Xexor
ค. Xerox
ง. Xeorx
2. อีเทอร์เน็ตได้พัฒนามาจากรากฐานบนเครือข่ายแบบใด
ก. Packet
ข. Radio
ค. Packet Radio
ง. Bus
3. อีเทอร์เน็ตมีความเร็วในการถ่ายข้อมูลครั้งแรกกี่เมกกะบิตต่อวินาที
ก. 1 เมกะบิตต่อวินาที
ข. 2 เมกะบิตต่อวินาที
ค. 4 เมกะบิตต่อวินาที

ง. 3 เมกะบิตต่อวินาที
4. การนำเสนอข้อมูลออกเป็นส่วนๆเรียกว่าอะไร
ก. แพกกิ้ง
ข. แพกก้า
ค. แพกเก็ต
ง. แพกเกต
5. อีเทอร์เน็ตใช้วิธีการส่งสัณญาณแบบใด
ก. เบสแบนด์
ข. บอยแบนด์
ค. เบิร์นแบนด์
ง.แบนด์
6. ฟาส์ตอีเทอรร์เน็ตเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร
ก. อีเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ
ข. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ค. อีเทอร์เน็ตความเร็วช้า
ง. อีเทอร์เน็ตความเร็วปกติเฉลย ข
7. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตได้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งเครือข่ายในรูปแบบใด
ก. ดาว
ข. วงแหวน
ค. กระจาย
ง. ต่อเนื่อง
8. เฟรมอีเทอร์เน็ตขนาดเล็กสุดจะมีความจุที่กี่ไบต์
ก. 72
ข. 75
ค. 85
ง. 82
9. ฟาส์ตอีเทอเน็ตไม่สนับสนุนในการเชื่อมต่อแบบใด
ก. วงแหวน
ข. ดาว
ค. แพกเกต
ง. บัส
10. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูงแตกต่างจากอีเทอร์เน็ตอย่างไร
ก. การรับส่งข้อมูล
ข. สายCAT5e
ค. การ์ดเครือข่าย
ง. สายUTP
ข้อสอบปรนัยคำสั่งตรวจซ่อม
1. คำสั่ง Ping ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข. ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
2. คำสั่ง ipconfig ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข. ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
3. คำสั่ง ART ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข. ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
4. คำสั่ง nslooknp
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
5. วิธีใช้คำสั่ง Ping มีวิธีการแบบใด
ก. start --- Run ---ms-Dos Prompt
ข. start---Programs---ms-Dos prompt
ค. Start---program---Run
ง. start---shutdown---ok
6. ถ้าต้องการตรวจสอบ Option ของ Ping ควรใช้คำสั่งแบบใด
ก. Ping ?
ข. Ping /?
ค. Ping/=
ง.Ping
7. วิธีการตรวจสอบคำสั่ง Ping ใช้โปรแกรมใด
ก. shert
ข. Dos
ค. Run
ง. controipanal
8. คำสั่ง neststat ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข. ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ดูแลสถิติในระบบ
ง. ตรวจสอบขั้วปลายทาง
9. คำสั่งอื่นๆที่น่าสนใจคือคำสั่งอะไร
ก. Cast
ข. grat
ค. ipconfig/all
ง. Ping /?

10. คำสั่งในการตรวจซ่อมทั้งหมดมีกี่คำสั่ง
ก. 5
ข. 6
ค. 7
ง. 8

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551


วันอังคาร, มิถุนายน 17, 2008

เรียนวันอังคารที่ 17มิถุนายน 2551


ข้อ 1 CIDR teble ckass A.B.C

ข้อ 2 ออกข้อสอบ ปรนัย (พร้อมเฉลย)

ข้อ 3 ออกข้อสอบ อัตนัย (พร้อมเฉลย)

ข้อ 4 VLSM



1.1 Class A

N.H.H.H 11111111.110000000.00000000.00000000

Mark Subne mark subet Host Subnet*host

2 255.192.0.0 2 4194302 9



1.2 Class B

N.N.H.H 11111111.11111111.11111100.00000000

Mark Subne mark subet Host subnet*host

7 255.255.24.0 126 510 64.260



1.3 Class C

N.N.N.H 11111111.11111111.11111111.11111100

Mark subne mark subet Host subnet*host

5 255.255.255.236 30 8 240



====================================================================


ข้อ 2 ออกข้อสอบ ปรนัย (พร้อมเฉลย) 10 ข้อ

1. mask 2 bit ของclass a ได้กี่subneta.

ก. 2^2= 4-2=2

ข. 2^9=512-2= 510

ค. 2^17=131072-2131070

ง. 2^15=131072-2231070

2. class b mark bit คือ 7 จะได้ subnet mark เท่าไหร่
ก. 255.255.252.0

ข. 255.255.224.0

ค. 255.255.240.0

ง. 255.255.254.0

3. class c = 255.255.255.224.0 ได้มาอย่างไร่

ก. 128+46+32

ข. 128+64

ค. 128+32

ง. 128+16

4. ไอพีแอดเดรสที่ใช้กันส่วนใหญ่มีกี่บิต
ก. ขนาด 32 บิตหรือ 4 ไบต์

ข. ขนาด 4บิต

ค. 8บิต

ง. 16บิต

5. IP Address Class A สามารถเชื่อมต่อได้กี่เครือข่าย
ก. 100 เครือข่าย

ข. 112 เครือข่าย

ค. 120 เครือข่าย

ง. 126 เครือข่าย

6.mark 6 bit ได้ class A หมายเลข subnetmark คือ

ก. 255.255.0.0

ข. 255.255.192.0

ค. 255.255.255.0

ง. 255.255.192.255

7. mark 4 bit ได้ class C ได้กี่ host

ก. 2^5=32-2=30

ข. 2^4=16-2=14

ค. 2^3=8-2=6

ง. 2^2=4-2=2

8. class b = 255.255.254.0 ได้มาอย่างไร่

ก. 128+64+32+16+8+4

ข 128+64+32+16+4+2 ง

ค. 128+64+32+8+4+2

ง. 128+64+32+16+8+4+2

9. bit ที่ถูกยืมมา 2 เขียนเป็นเลขฐาน 2 ได้อย่างไร

ก. 11000000

ข. 00000001

ค. 11111111

ง. 00000000

10. CLASS ได้แก่

ก. N .N.N.N

ข. N .N.H.H

ค. N .H.H.H

ง. N .N.N.H

=====================================================================

ข้อ 3 ออกข้อสอบ อัตนัย (พร้อมเฉลย) 10 ข้อ


1. mark 5 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2^5 = 32 - 2 = 30 subnet

2. mark 7bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คือ อะไร
ตอบ 255.255.254.0 subnetmark


3. mark 4 bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คืออะไร
ตอบ 2^9=512-2=510



6. mark 7 bit ของ Class C ได้กี่ Subnet
ตอบ 2^7 = 128 - 2 = 126 Subnet


5. mark 6 bit Class A หมายเลข Subnet อะไร
ตอบ 255.252.0.0

6. Mark 8 bit ได้ Class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2^8 = 256-2 = 254 subnet

7. 10 Mark 12 bit ได้ Class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2^12 = 4,096-2 = 4094 subnet

8. Mart 3 bit ของ Class C ได้กี่ Hostตอบ2^5
ตอบ 32 -2 = 30 Host

9. หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง ??
ตอบ Subnet แรก 192.168.100.0 1 000000 192.168.100.64

Subnet สอง 192.168.100. 1 0 000000 192.168.100.128

10. mask 6 bit ของclass c ได้กี่ host
ตอบ 2^2=4-2=2

====================================================================



วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551


วันพุธ, มิถุนายน 11, 2008

เรียนวันอังคารที่ 10 มิถุนายน 2551


2.สรุป basic ‘s datacommunication
========================
IP Addressรูปแบบของไอพีแอดเดรสมีขนาด 32 บิตประกอบด้วยเลข 2 ส่วน
1.เลขเครือข่าย (network number)2.เลขโฮสต์ (host number)
รูปแบบการเขียน “dotted decimal”แบ่งเป็น 4 ไบต์ คั่นแต่ละไบต์ด้วยจุด (dot)เช่น
192.168.1.230 ( 11000000 10101000 00000001 11100110) 192 168 1 230
ความสำคัญของเลขเครือข่ายและโฮสต์เราเตอร์ (Router) ใช้เลขเครือข่ายเลือกเส้นทางส่ง packet โฮสต์ที่มี netid ชุดเดียวกัน จะอยู่เครือข่ายเดียวกันสื่อสารกันได้โดยใช้เฟรม data-linkไม่ต้องใช้เราเตอร์
การจัดคลาสเครือข่าย8 bit 8 bit 8 bit 8 bit
Class A network host host host
Class B network network host host
Class C network network network host
การจัดคลาสเครือข่าย บิตที่
8 7 6 5 4 3 2 1
ค่าประจำบิต128 64 32 16 8 4 2 1
ค่าประจำบิต27 26 25 24 23 22 21 20
ตัวอย่าง11001010 = 128 64 0 0 8 0 2 0
ผลลัพธ์128+ 64 + 0 + 0 + 8 + 0 + 2 + 0 = 202
ตัวอย่างการกำหนดเครือข่าย(network) 192.168.1.0
Network 192.168.1.0
Default subnet mask 255.255.255.0
prefix 24 bit เนื่องจากเป็น IP ใน class Cจะมีเลขโฮสต์ขนาด 8 บิต สำหรับทำ
subnet ต้องการให้มี subnet ละอย่างน้อย 25 โฮสต์ จำนวนบิตสำหรับเลขโฮสต์ 5 บิต (25 -2 = 30)
เหลือจำนวนบิตสำหรับทำ subnet 3 บิต (23 -2 = 6) ทำ subnetไซเดอร์ (CIDR)
11000011 00000000 00100000 00000000 = 195.0.32.
011000011 00000000 00100001 00000000 = 195.0.33.0
11000011 00000000 00100010 00000000 = 195.0.34.0
11000011 00000000 00100011 00000000 = 195.0.35.0
subnet 11111111 11111111 11111100 00000000 = 255.255.252.0
Private IP Address
Class A 10.0.0.0 – 10.255.255.255 1 ชุด class A
Class B 172.16.0.0 – 172.31.255.255 16 ชุด class B
Class C 192.168.0.0 – 192.168.255.255 256 ชุด class C


3.OSI ModelApplication Layer
=====================
7 Application Layer
6 Presentation Layer
5 Session Layer
4 Transport Layer
3 Network Layer
2 DataLink Layer
1 Physical Layer

4.Basic’s IP Address
==============
มีขนาด 32 บิตประกอบด้วยเลข 2 ส่วนเลขเครือข่าย
(network number)เลขโฮสต์ (host number)
รูปแบบการเขียน “dotted decimal”แบ่งเป็น 4 ไบต์ คั่นแต่ละไบต์ด้วยจุด (dot)เราเตอร์ (Router)
ใช้เลขเครือข่ายเลือกเส้นทางส่ง packet โฮสต์ที่มี netid ชุดเดียวกัน
จะอยู่เครือข่ายเดียวกันสื่อสารกันได้โดยใช้เฟรม data-linkไม่ต้องใช้เราเตอร์โฮสต์ที่มี netid ต่างกัน จะอยู่จะอยู่ต่างเครือข่ายเราเตอร์จะส่ง packet ข้ามเครือข่าย

5.แปลง IP
========
1.29.143.26.68
2.98.68.72.85
1. 29. 143 . 26. 68
128 64 32 16 8 4 2 1
0 0 0 1 1 1 0 1
1 0 0 0 1 0 1 1
0 0 0 1 1 0 1 0
0 1 0 0 0 1 0 0
== 29 .143. 26. 68 = 00011101.10001011.00011010.01000100
2. 98.68.72.85
128 64 32 16 8 4 2 1
0 1 1 0 0 0 1 0
0 1 0 0 0 1 0 0
0 1 0 0 1 0 0 0
0 1 0 1 0 1 0 1
== 98. 68. 72. 85 = 01100010.01000100.01001000.01010101

6.CIDR•/23•/15•/18
===============

/23 = 11111111.11111111.11111110.00000000
Network = 128+64+32+16+8+4+2 = 254
Host?? = 2^9 = 512 – 2 = 510
/15 = 11111111.11111110.00000000.00000000
Network = 128+64+32+16+8+4+2 = 254
Host?? = 2^17= 131072-2 = 131070
/18 = 11111111.11111111.11000000.00000000
Network = 128+64 = 192
Host?? = 2^14 = 16384 – 2 = 16382















วันพุธ, มิถุนายน 11, 2008

เรียนวันอังคารที่ 10 มิถุนายน 2551

Data Communications Tuesday ,2008
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: Chaloempol Yokyuth (geng_gtr@hotmail.com)
http://chaloempol.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: Parina Polngam (nongnanfar@hotmail.com)
http://parina-nang.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ณัฐวุฒิ วรรณา (kon.jai.ray@hotmail.com)
http://e-wutdy.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: วีระชัย ชินทอง (weerachaidong@hotmail.com)
http://weedong.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ศิริลักษณ์ ใจโชติ (tum.naruk@hotmail.com)
http://pinkzosay.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: นางสาวธนาภา บุญร่วม (tip21_@hotmail.com)
http://tanapa.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY
From: ความรักทำให้คนตาบอด บูดาเบส (b_boy.eg@hotmail.com)
นายเอกวิทย์ ประทีปธนากร 491225226
http://ekawit.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: pornpun intanun (nuthicha@hotmail.com)
http://nuthicha.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: นางสาวสุนันทา จันมนตรี (rosri21@hotmail.com)
http://rosri.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: นิโรบล ศรีวิชัยยศ (tanoy17@hotmail.com)
http://yakumi-tanoy.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ธวัชชัย ปรือปรัง (sek.7@hotmail.com)
http://dekduecub.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: นายสุวัฒน์ บัวจันทร์ (kero_pee_1@hotmail.com)
http://keropee.blogspot.com//
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ประครอง วันทะวงษ์ (auto_7991@hotmail.com)
http://roseka.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ชัชวาล ถิ่นนาไห (dexonhud@hotmail.com)
URL: http://chadchawal.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: สมปอง แสงสิงห์ (sompong.sangsing@hotmail.com)
http://sompong19.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: ธงชัย ราชสิงห์ (pktp_9@hotmail.com)
http://dexhudmai.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

From: วิทยา สุดหล้า (teawit.la@hotmail.com)
http://longchimyung.blogspot.com/
YYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY

แนะนำตัวเอง


วันอังคาร์ที่ 3 มิถุนายน 2008

ชื่อนายแสงอนันต์ ดวนใหญ่
โปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
รหัส 4912252258




NAME HEX BINARY
M 4E 1000 1110
R 52 0101 0010

S 53 0101 0011
A 41 0100 0001
N 4D 0100 1101
G 47 0100 0111
A 41 0100 0001
N 4D 0100 1101
A 41 0100 0001
N 4D 0100 1101

D 44 0100 0100
U 55 0101 0101
A 41 0100 0001
N 4D 0100 1101
Y 59 0101 1001
A 41 0100 1101
I 49 0100 1001

P 50 0101 0000
R 52 0101 0010
O 4F 0100 1111
G 47 0010 1111
R 52 0101 0010
A 41 0100 1101
M 4E 1000 1110


C 43 0010 1011
O 4F 0100 1111
M 4D 0100 1101

S 53 0101 0011
I 49 0100 1001

G 47 0010 1111
N 4D 0100 1101

C 43 0100 0011
O4F 0100 1111
D 44 0100 0100
E 45 0100 0101

4 34 0011 0100
9 39 0011 1001
1 31 0011 0001
2 32 0011 0010
2 32 0011 0010
5 35 0011 0101
2 32 0011 0010
2 32 0011 0010
5 35 0000 0101
8 38 0011 1000